ในความเห็นของผู้เขียน การเป็นพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจสอบสวนโดยชอบด้วยกฎหมายได้โดยสมบูรณ์ จะต้องประกอบไปด้วยอำนาจ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และคำสั่ง ดังมีรายละเอียดที่จะกล่าวต่อไปนี้
1. ต้องมีอำนาจ
ป.วิ.อ.
มาตรา 18 ในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ปลัดอำเภอ และข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิด หรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้
สำหรับในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิดหรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้
ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในมาตรา 19 มาตรา 20 และมาตรา 21 ความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำนาจพนักงานสอบสวนคนใด โดยปกติให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดนั้นๆ เพื่อดำเนินคดี เว้นแต่เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเพื่อความสะดวก จึงให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบสวน
ในเขตท้องที่ใดมีพนักงานสอบสวนหลายคน การดำเนินการสอบสวนให้อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนผู้เป็นหัวหน้าในท้องที่นั้น หรือผู้รักษาการแทน
(*ข้อพิจารณา.- มาตรา 18 พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองหรือตำรวจมีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิด หรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้ ดังนั้น ถ้าความผิดอาญาเกิดนอกเขตอำนาจของตน ย่อมไม่มีอำนาจสอบสวน)
2. ต้องมีหน้าที่
ถ้าพนักงานสอบสวนมีอำนาจในการสอบสวนได้แล้ว ต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สอบสวนด้วย ยกตัวอย่างเช่น มีกฎกระทรวงกำหนดให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมีหน้าที่สอบสวนความผิดใดความผิดหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้นตามกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พ.ศ.2554 และกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พ.ศ.2555 ฉบับที่ 2 ได้แก่
“ข้อ 2 ความผิดอาญาตามกฎหมายดังต่อไปนี้ ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองสอบสวนได้
(1) กฎหมายว่าด้วยกองอาสารักษาดินแดน
(2) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(3) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไร
(4) กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
(5) กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(6) กฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ
(7) กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
(8) กฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
(9) กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่
(10) กฎหมายว่าด้วยภาษีป้าย
(11) กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน
(12) กฎหมายว่าด้วยยศและเครื่องแบบผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน
(13) กฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ
(14) กฎหมายว่าด้วยโรงแรม
(15) กฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ
(16) กฎหมายว่าด้วยสุสานและฌาปนสถาน
(*ข้อพิจารณา.- ถ้าพนักงานสอบสวนไม่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่สอบสวนคดีทั่วไป หรือมีกฎหมายให้มีหน้าที่สอบสวนเรื่องใดเป็นการเฉพาะแล้ว ย่อมไม่สามารถสอบสวนในเรื่องอื่นได้อีก)
1. ต้องมีอำนาจ
ป.วิ.อ.
มาตรา 18 ในจังหวัดอื่นนอกจากจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ปลัดอำเภอ และข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิด หรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้
สำหรับในจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรี ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่านายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิดหรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้
ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติในมาตรา 19 มาตรา 20 และมาตรา 21 ความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำนาจพนักงานสอบสวนคนใด โดยปกติให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดนั้นๆ เพื่อดำเนินคดี เว้นแต่เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเพื่อความสะดวก จึงให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบสวน
ในเขตท้องที่ใดมีพนักงานสอบสวนหลายคน การดำเนินการสอบสวนให้อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนผู้เป็นหัวหน้าในท้องที่นั้น หรือผู้รักษาการแทน
(*ข้อพิจารณา.- มาตรา 18 พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองหรือตำรวจมีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิด หรืออ้าง หรือเชื่อว่าได้เกิดภายในเขตอำนาจของตน หรือผู้ต้องหามีที่อยู่ หรือถูกจับภายในเขตอำนาจของตนได้ ดังนั้น ถ้าความผิดอาญาเกิดนอกเขตอำนาจของตน ย่อมไม่มีอำนาจสอบสวน)
2. ต้องมีหน้าที่
ถ้าพนักงานสอบสวนมีอำนาจในการสอบสวนได้แล้ว ต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สอบสวนด้วย ยกตัวอย่างเช่น มีกฎกระทรวงกำหนดให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมีหน้าที่สอบสวนความผิดใดความผิดหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้นตามกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พ.ศ.2554 และกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พ.ศ.2555 ฉบับที่ 2 ได้แก่
“ข้อ 2 ความผิดอาญาตามกฎหมายดังต่อไปนี้ ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองสอบสวนได้
(1) กฎหมายว่าด้วยกองอาสารักษาดินแดน
(2) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(3) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไร
(4) กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
(5) กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(6) กฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ
(7) กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
(8) กฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
(9) กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่
(10) กฎหมายว่าด้วยภาษีป้าย
(11) กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน
(12) กฎหมายว่าด้วยยศและเครื่องแบบผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน
(13) กฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ
(14) กฎหมายว่าด้วยโรงแรม
(15) กฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ
(16) กฎหมายว่าด้วยสุสานและฌาปนสถาน
(*ข้อพิจารณา.- ถ้าพนักงานสอบสวนไม่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่สอบสวนคดีทั่วไป หรือมีกฎหมายให้มีหน้าที่สอบสวนเรื่องใดเป็นการเฉพาะแล้ว ย่อมไม่สามารถสอบสวนในเรื่องอื่นได้อีก)